หนึ่งในแคมเปญใหญ่ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรูปแบบไหนก็หันมาให้ความสำคัญคงหนี้ไม่พ้นแคมเปญ Mega sale Day ค่ะ ช่วงเวลาที่หลากหลายแบรนด์หันมาออกโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ดึงดูดเหล่านักช้อป และเพื่อการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงแคมเปญ Mega Sale ทุกท่านสามารถอ่านบทความก่อนได้ที่: ทำความเข้าใจ Mega Sale Day เทรนด์แห่งการช้อปปิ้งที่เหล่านักช้อปรอคอย
แม้ว่าเจ้าตัวแคมเปญ Mega Sale จะเป็นช่วงเวลาที่เหล่านักช้อปรอคอยกันแล้ว แต่หลายแบรนด์ก็คาดหวังให้เคมเปญนี้สามารถสร้างรายได้ สร้างการรับรู้หรือได้รับเป้าหมายทางการตลาดตามที่แบรนด์คาดหวังค่ะ สำหรับบทความนี้เราจะมาพูดถึงแนวทางในการวางแผนการตลาด Mega Sale Day เพื่อเอาชนะใจกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์พร้อมตัวอย่างที่น่าสนใจค่ะ
3 ขั้นตอนวางแผนการตลาด Mega Sale Day
ในการวางแผนเคมเปญ Mega Sale Day เราสามารถแบ่งออกมาเป็น 3 ระยะของเคมเปญดังนี้
1.Pre-testing ระยะเริ่มต้นสร้างการรับรู้
จากข้อมูลพบว่าเหล่านักช้อปเริ่มต้นค้นหาสินค้าที่ตนเองสนใจก่อนที่เคมเปญ Mega Sale จะมาถึง เพื่อเตรียมพร้อมในการช้อปปิ้งโปรคุ้มๆ จากแบรนด์ จึงหมายถึงโอกาสของแบรนด์ในการเตรียมความพร้อมรับมือสำหรับเคมเปญ Mega Sale Day เช่นกันค่ะ การเตรียมความพร้อมที่เร็วขึ้นนำมาสู่การสร้างการรับรู้ของแบรนด์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น และยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นตามมาค่ะ
ภาพจาก Google
ในระยะนี้จึงเกี่ยวข้องกับการสร้างการรับรู้ รวมไปถึงการสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์ของเราก่อนที่จะเกิดการขาย โดยเคมเปญที่เหมาะสมในช่วงระยะแรกนั่นก็คือ Reach หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในจำนวนมากๆ เช่นการทำ Video reach campaigns, การซื้อ Keyword ในรูปแบบของ Board Match,การปล่อย Early Bird โปรโมชั่นของแบรนด์
ตัวอย่างจากแบรนด์ TOMS ปล่อยโปรโมชั่น Early bird surprise ก่อน Mega sale day 9.9 มาถึง
2. Testing & D-day ระยะกระตุ้นให้เกิดการขาย
เป็นระยะที่เหล่านักช้อปเริ่มค้นหาราคาและโปรโมชั่นจากแบรนด์ที่ตนเองสนใจพร้อมทั้งเปรียบเทียบกับหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะบนแพลตฟอร์ม E-commerce, บน Brand.com หรือบน Social Media ต่างๆ ค่ะ
และในระยะนี้เหล่านักช้อปบางท่านเริ่มต้นนำสินค้าที่ต้องการซื้อกดใส่ตะกร้ารอไว้ก่อน เพื่อรอเพียงโปรโมชั่นหลังเที่ยงคืน จากนั้นก็สามารถกดสั่งซื้อสินค้าได้เลยค่ะ ระยะนี้จึงเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการขายที่มีการคำนึงถึงการเดินทางของลูกค้าในหลากหลายแพลตฟอร์มค่ะ ทั้งนี้พฤติกรรมของลูกค้าอาจมีได้หลายรูปแบบเช่น ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับราคา ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับโปรโมชั่นบัตรเครดิต ให้ความสำคัญการจัดส่งสินค้า หรือความสำคัญกับการทดลองสินค้าก่อน ดังนั้นแบรนด์จึงต้องคำนึงถึงช่องทางในการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม
ตัวอย่างแบรนด์ที่นำเสนอสินค้าบน Google ผ่าน Google Shopping ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านทาง Shoppe ของแบรนด์ได้
ตัวอย่างจากแบรนด์ KFC ออกโปรโมชั่นในช่วง 8.8 ด้วยการปล่อย E-Voucher บน Lazada ให้ลูกค้านำส่วนลดมาใช้ที่หน้าร้าน
3. Post-event ระยะสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมในระยะยาว
แม้แบรนด์จะทำการปิดการขายได้แล้ว แต่แผนการตลาดของเรายังไม่สามารถจบเพียงเท่านั้นค่ะ ตามหลักของ Marketing Funnel ที่ควรมีการวางแผนให้ครบในทุก Funnel ในระยะนี้จึงเป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้กับลูกค้าในระยะยาวเพื่อนำมาสู่การกลับมาซื้อซ้ำ หรือ Customer Loyalty นั่นเอง ด้วยการทำ Always on campaign หรือ เคมเปญการตลาดแบบต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO (Search Engine Optimizarion), Facebook Ads, LINE Ads หรือ Organic คอนเทนต์ในช่องทางต่างๆ เป็นต้น
การทำการตลาดในช่องทางต่างๆ ในระยะนี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมแคมเปญ Mega Sale Day ให้แบรนด์ยังคงอยู่ในใจของลูกค้า และ ให้ลูกค้าสามารถมองเห็นแบรนด์ของเราได้ทุกเมื่อที่ต้องการค่ะ
สำหรับแบรนด์ที่ต้องการทำการตลาดในช่วงแคมเปญ Mega Sale หรือในช่วงแคมเปญอื่นๆ สามารถปรึกษาทีม Unicorn House ได้เลยนะคะ เรามีบริการในหลากหลายแพลตฟอร์ม พร้อมยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
แหล่งที่มา: thinkwithgoogle
ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆ กดติดตาม เพจ Unicorn House ไว้ตอนนี้เลย !🦄✨
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือปรึกษาเรื่องวางแผนธุรกิจได้ที่
💚 LINE : @unicornhouse (อย่าลืมใส่ @ ข้างหน้า)
หรือคลิกลิงค์นี้ ☞ https://bit.ly/3aheB3G
📞 Tel : 02-077-0323